วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
การอธิษฐานแบบเร่งผล
การอธิษฐานแบบเร่งผล
ให้สวดพระคาถามหาจักรพรรดิ 3 จบ หรือ 5 จบ แล้วสวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ) 5 จบ เสร็จแล้วให้น้อมจิตระลึกนึกถึง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แล้วให้อธิษฐานว่า "สิ่งใดที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับข้าพเจ้าทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ข้าพเจ้าขอรับรู้ตามสภาพของความเป็นจริงทุกประการ ขอให้ความคล่องตัวทั้งในทางโลก และในทางธรรมจงบังเกิดแก่ตัวของข้าพเจ้า และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสามแดนโลกธาตุด้วยเทอญ" หลวงตาม้าท่านแนะนำว่าให้อธิษฐานแบบนี้ทุกๆ วันครับ แล้วจะเห็นผลเร็วครับ
การอธิษฐานทำน้ำมนต์
ให้นำพระผงจักรพรรดิมากำไว้ในมือ แล้วสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ 1 จบแล้วอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขออาราธนาอัญเชิญพระบารมีรวม แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตาขีณาสพเจ้าทั้งหลาย พระธรรม บารมีรวมแห่งพระอริยะสงฆ์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอหลวงปู่ได้โปรดรวมบารมีทั้งหมดทั้งมวล แผ่มายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ เพื่อใช้ในการมงคลทั้งปวง เพื่อใช้ในการแก้และป้องกันคุณไสย อวิชชาต่างๆ เพื่อใช้ในการปรับธาตุทั้ง 4 และรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกประเภท ขอบารมีรวมของหลวงปู่ ได้โปรดเมตตาให้เป็นไปตามคำอธิษฐานแห่งข้าพเจ้านี้ทุกประการด้วยเถิด” แล้วค่อยๆ จุ่มพระผงจักรพรรดิ
พระผงจักรพรรดิ นั้นเป็นพระที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านคิดสูตรสร้างขึ้น เพื่อให้ชาวพุทธเราได้ใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้เกิดกำลังใจในการปฏิบัติธรรม และการดำเนินชีวิต พระผงจักรพรรดินั้น สามารถใช้กำในมือเวลานั่งสมาธิเจริญภาวนา หรือเวลานั่งกรรมฐาน แล้วน้อมนำจิตให้เข้าไปในองค์พระที่กำ แล้วภาวนาว่า “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ”หรือคาถามหาจักรพรรดิ ก็ได้ ภาวนาไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปจับหรือสนใจที่ลมหายใจเข้าออกแต่อย่างใด นอกจากใช้ในการทำสมาธิแล้วพระผงยังสามารถใช้ทำน้ำมนต์รักษาโรค และป้องกันคุณไสยมนต์ดำต่างๆ และใช้ในการปรับภพภูมิเพื่อส่งดวงวิญญาณให้ไปสู่สุคติ หรือปรับฮวงจุ้ยของสถานที่ได้อีกด้วย พระผงจักรพรรดินี้เมื่อใช้ร่วมกับบทสวดมหาจักรพรรดินั้น จะสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม เช่นเรื่องธุรกิจการงาน การเงิน ครอบครัว การเจ็บป่วย และยังสามารถสวมคล้องคอเป็นประจำเพื่อป้องกันเหตุเภทภัยต่างๆ ได้ด้วย
การครอบวิมาน
เป็นการส่งกำลังบุญไปยัง มนุษย์ หรือสัตว์ ที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อให้เขามีจิตใจดีขึ้นและป้องกันภัยที่มองไม่เห็นต่างๆ และถ้าใช้กับคนหรือสัตว์ที่กำลังจะสิ้นลมนั้นในยามที่จิตออกจากร่างนั้น ก็จะเห็นวิมาน และบารมีพระท่านจะเกิดนิมิตเป็นแสงสว่างนำทางผู้นั้นไปสู่สุคติภูมิตามกำลังบุญที่ได้ทำไว้ การครอบวิมานนี้ สามารถครอบให้ได้กับตนเอง และผู้อื่น โดยการครอบให้กับตนเองนั้นก็ด้วยวิธีการสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ ส่วนการครอบให้ผู้อื่นนั้นทำได้โดยการอธิษฐานขอบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด แล้วให้นิมิตภาพหลวงปู่ดู่ซ้อนไปยังบุคคลผู้นั้น หรือกลุ่มคน โดยในขณะที่กำลังอธิษฐานจิตอยู่นั้น ผู้อธิษฐานต้องมีจิตเมตตากรุณาจึงจะเกิดผลอย่างสูงสุด
การอธิษฐานครอบดวงแก้วให้แก่บ้าน เพื่อป้องกันรังสี
พระผงจักรพรรดิที่หลวงปู่ดู่ท่านสร้างขึ้น และพระผงจักรพรรดิที่สร้างขึ้นตามสูตรของหลวงปู่ดู่นั้น สามารถนำมาอธิษฐานเพื่อป้องกันอันตรายจากรังสีนิวเคลียร์ได้ทุกองค์ กับผู้ที่บูชาคล้องคอติดตัว และกับบ้านพักที่อาศัย แต่ถ้าต้องการให้คุ้มครองบ้านพักอาศัยด้วยนั้น ต้องอัญเชิญพระผงจักรพรรดิไว้ที่บ้าน 1 องค์ โดยให้อัญเชิญพระผงจักรพรรดิมาอธิษฐานทำน้ำมนต์ ในเวลา 20.30 น. เพราะต้องอาศัยกำลังใหญ่(ช่วงเวลาดังกล่าว หลวงตาม้า จะนำเทพ พรหม ร่วมสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ) โดยนำพระผงจักรพรรดิแช่ในภาชนะที่เหมาะสม เช่น ขันน้ำมนต์ และให้แช่ไว้อย่างนั้นตลอด เพื่อจะได้เป็นหัวเชื้อน้ำมนต์สำหรับใช้ในการอื่นๆ ได้ แล้วให้ตั้งจิตน้อมระลึกถึง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แล้วกล่าวคำอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขออาราธนาอัญเชิญพระบารมีรวม แห่งองค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตาขีณาสพเจ้าทั้งหลาย พระธรรม บารมีรวมแห่งพระอริยสงฆ์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอหลวงปู่ท่านได้โปรดรวมบารมีทั้งหมดทั้งมวล แผ่มายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ ในการป้องกัน ขจัดทำลายรังสีและพลังงานอันไม่ดีทั้งปวง ที่เข้ามาในอาณาบริเวณเขตน้ำมนต์แห่งนี้ให้เกิดเป็นปราการแก้ว 7 ชั้น คุ้มครองทั้ง 6 ทิศ คือ เบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องซ้าย เบื้องขวา เบื้องบน และเบื้องล่าง ให้กระแสเย็นแห่งน้ำมนต์นี้จงเปล่งออกไปเป็นรัศมีเรืองรอง คุ้มครองป้องกันและครอบคลุมบ้านทั้งหลังของข้าพเจ้านี้ ให้ผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านนี้จงร่มเย็น ปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวงด้วยเถิด” จากนั้นให้สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ) แล้วให้นำน้ำมนต์ไปรดรอบๆ บ้าน แล้วตั้งภาชนะใส่น้ำมนต์ที่มีพระผงจักรพรรดิแช่อยู่ไว้ในที่อันควร หมั่นเติมน้ำอย่าให้แห้ง น้ำมนต์นี้ใช้ได้ทั้งกินและอาบ
การอธิษฐานให้บุตร คนรัก บริวาร และเจ้านายที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้เป็นคนดีขึ้น จิตใจเยือกเย็น
เป็นการใช้กำลังของพระผงจักรพรรดิควบคู่ไปกับพรหมวิหารธรรม และให้กระทำตอนที่บุคคลนั้นหลับอยู่ หากใช้คู่กับการครอบวิมานก็จะได้ผลดียิ่งขึ้น โดยการกำพระผงจักรพรรดิแล้วสวดพระคาถามหาจักรพรรดิจนจิตสงบดี แล้วให้อธิษฐานว่า “ด้วยอำนาจบารมีแห่งพระมหาจักรพรรดิทุกๆ พระองค์ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีแห่งสมเด็จองค์ปฐมบรมจักรพรรดิเป็นประธาน และมีพระบารมีรวมพระมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอได้โปรดกล่อมเกลาปรับสภาพร่างกายและจิตใจของ....(ชื่อของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล)... ให้ดีขึ้น ขอให้มีร่างกายแข็งแรง จิตใจเยือกเย็น เบิกบาน ให้มีหิริโอตตัปปะ มีจิตใจฝักใฝ่แต่ความดี เกลียดกลัวความชั่วทั้งปวง ให้เป็นคนว่านอนสอนง่าย อยู่ในโอวาท...(อื่นๆ ตามแต่จะอธิษฐาน)... หากแม้นเขาดื้อดึงเพียงใด ด้วยอำนาจของจักรแก้วพระจักรพรรดิ จงโปรดสั่งสอนให้หลาบจำรู้สำนึกด้วยเถิด” จากนั้นสวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ)
การอธิษฐานเพื่อความคล่องตัวในทุกๆ เรื่อง
ให้ทรงกำลังใจเป็นทานบารมี จากนั้นให้กำพระผงจักรพรรดิ แล้วตั้งจิตกำหนดตั้งองค์พระ(เป็นพระแก้วแดงหรือพระพุทธนิมิตก็ได้) หรือหลวงปู่ทวด หรือหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญก็ได้ แล้วอธิษฐานว่า “ด้วยอำนาจบารมีแห่งพระมหาจักรพรรดิทุกๆ พระองค์ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีแห่งสมเด็จองค์ปฐมบรมจักรพรรดิเป็นประธานและมีพระบารมีรวมพระมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอได้โปรดรวมกองบุญของข้าพเจ้า (เอ่ยชื่อ-นามสกุลตัวเอง) เพื่อเบิกมาใช้ให้มีความคล่องตัวในทุกเรื่อง หากมีเรื่องอันใดติดขัดขอให้คล่องดั่งน้ำที่ไหลออกจากคนโท ที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ เรื่องอันใดคล่องตัวอยู่แล้ว ขอให้คล่องตัวยิ่งขึ้นไป ขึ้นชื่อว่าความอดอยาก ความยาก ความจน ความไม่มี ขอจงอย่าได้บังเกิดมีแก่ข้าพเจ้า นับตั้งแต่นี้ตราบกระทั่งข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิด โดยเฉพาะกาลนี้ ขอให้มีความคล่องตัวในเรื่อง (อธิษฐานขอเอา เช่น การค้าขาย การติดต่อเจรจา การเงิน ฯลฯ) ด้วยเถิด” สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ)
การกำหนดจิตถามพระในเรื่องการปฏิบัติและปัญหาชีวิตที่แก้ไม่ตก
ให้ทำใจสบายๆ กำพระผงจักรพรรดิแล้วกำหนดให้เห็นรูปหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แล้วกราบเรียนถามท่านตรงๆ เช่น “หลวงปู่ลูกจะทำอย่างไรกับปัญหาอุปสรรค(เหตุเรื่องหนึ่งเรื่องใด)ดีครับ?” จากนั้นให้ทำใจสบายๆ ไม่ต้องเคร่งเครียดไม่ต้องเงี่ยหูฟังว่าหลวงปู่จะตอบหรือไม่ บางครั้งหลวงปู่จะแสดงให้เห็นเป็นภาพ บางครั้งก็เป็นจิตรู้ขึ้นมาเองว่าทำอย่างไรจึงจะถูกต้อง
การแผ่ส่วนบุญปรับภพภูมิ
กำพระผงจักรพรรดิไว้ในมือ แล้วอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขออาราธนาอัญเชิญบารมีรวมพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอได้โปรดส่งวิญญาณ ปรับภพภูมิดวงวิญญาณของ(เอ่ยชื่อ หรือกล่าวโดยรวมคือดวงวิญญาณทั้งหลายที่สถิตอยู่ในบริเวณสถานที่แห่งนี้) ให้ไปสู่สุคติด้วยเถิด” สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ)
การอธิษฐานทำน้ำมนต์
ให้นำพระผงจักรพรรดิมากำไว้ในมือ แล้วสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ 1 จบแล้วอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขออาราธนาอัญเชิญพระบารมีรวม แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตาขีณาสพเจ้าทั้งหลาย พระธรรม บารมีรวมแห่งพระอริยะสงฆ์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอหลวงปู่ได้โปรดรวมบารมีทั้งหมดทั้งมวล แผ่มายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ เพื่อใช้ในการมงคลทั้งปวง เพื่อใช้ในการแก้และป้องกันคุณไสย อวิชชาต่างๆ เพื่อใช้ในการปรับธาตุทั้ง 4 และรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกประเภท ขอบารมีรวมของหลวงปู่ ได้โปรดเมตตาให้เป็นไปตามคำอธิษฐานแห่งข้าพเจ้านี้ทุกประการด้วยเถิด” แล้วค่อยๆ จุ่มพระผงจักรพรรดิลงในภาชนะใส่น้ำ สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ) น้ำมนต์นี้ใช้ได้ทั้งกิน และอาบ
อานิสงส์การสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ
บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดินี้ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นผู้เรียบเรียงโดยมีที่มาจาก การที่ศิษย์ของหลวงปู่ท่านหนึ่ง ต้องการพระคาถาเพื่อใช้สวดบูชาพระพุทธรูปที่เขาได้จัดสร้างขึ้น เป็นการสวดเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ตลอดทั้งพระนิพพาน รวมถึงพระธรรมเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตาขีณาสพเจ้า พระอริยะสงฆ์ และพระสงฆ์สาวกทั้งมวล เป็นการบูชาพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ในภัทรกัป(กัปปัจจุบันนี้) อีกทั้งยังเป็นการอัญเชิญกำลังแห่งพระพุทธเจ้าจักรพรรดิ กำลังแห่งพระโพธิญาณของพระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆ พระองค์ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต น้อมนำกำลังของเทพพรหม พระอริยะเจ้าทั้งหลาย อาราธนารวมเข้าที่กาย ใจ จิต วิญญาณของผู้สวด เป็นการอาราธนาบารมีแห่งคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ เทพ พรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ตัว เพื่อคุ้มครองป้องกันภัย และเสริมโชคลาภให้แก่ผู้สวด เนื่องจากในบทสวดมีการระลึกถึงพระสีวลี ผู้ซึ่งเป็นพระอสีติมหาสาวกเอตทัคคะในทางผู้มีลาภมากรวมอยู่ด้วย การสวดครั้งหนึ่ง มีอานิสงส์แผ่ไปทั่วจักรวาลตลอดสามแดนโลกธาตุ(เทพ พรหมภูมิ, มนุษย์ภูมิ, อบายภูมิ) สามารถแผ่ส่วนบุญปรับภพภูมิแก่สรรพสัตว์ ตลอดจนเทวดาประจำตัว ญาติมิตร ครอบครัว เจ้ากรรมนายเวร และหากนำบทสวดนี้ไปสวดหรือแผ่ไปในนรก(อบายภูมิ) ไฟนรกจะดับชั่วขณะ นอกจากนี้ การสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดินี้ ยังเป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัวแก่ผู้สวดอีกด้วย บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดินี้มีพลังงานมากมาย เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้สวดก่อนหรือระหว่างการนั่งภาวนากัมมัฏฐาน เพราะจะก่อให้เกิดกระแสพุทธานุภาพครอบคลุมและคุมการปฏิบัติภาวนาของเรา และหากได้สวดอยู่เป็นประจำจะสามารถอธิษฐานเรื่องราวใดที่มีข้อติดขัด เรื่องร้ายทั้งหลาย ทำให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นำมาซึ่งความเจริญแก่ผู้สวดทั้งในทางโลกและทางธรรม
การนำเอาพลังงานจักรพรรดิมาใช้
การนำพลังงานจักรพรรดิ หรือพลังงานของหลวงปู่ดู่ ท่านมาใช้ประโยชน์นั้น หลักการก็คือ ให้นึกถึงภาพหลวงปู่ดู่หรือพระจักรพรรดิก็ได้ ซึ่งท่านเป็นแหล่งต้นทางของพลังงาน แล้วก็นึกโน้มอธิษฐานขอบารมีรวมของท่านมาเป็นพลังงานแผ่ผ่านมาที่ตัวเราแล้วส่งต่อไปยังเป้าหมายหรือปลายทาง อย่างภาพด้านบน เป็นการแผ่ส่วนบุญปรับภพภูมิ ส่วนการจะนำเอาพลังงานมาใช้ในด้านอื่นๆ ก็มีหลักการเดียวกัน คือโน้มนำพลังงานต้นทางจากหลวงปู่ดู่ หรือพระจักรพรรดิผ่านมาที่ตัวเราทุกครั้ง พลังงานจักรพรรดินั้นมีอยู่มากมายโดยมิมีประมาณไม่มีวันหมดแต่อยู่ที่เราต้องรู้จักหลักการของการนำมาใช้ประโยชน์ อย่างการอธิษฐานจิตนำเอาพลังงานจักรพรรดิมาใช้ประโยชน์นั้น หลวงปู่ดู่ และหลวงตาม้า ท่านบอกว่าไม่ควรอธิษฐานในสิ่งที่สวนทางกับหลักพระธรรม หรือคำสอนของหลวงปู่ดู่ เช่น การอธิษฐานขอให้รวยเป็นเศรษฐี หรือถูกหวยรางวัลที่หนึ่งนั้น ท่านบอกว่าไม่ถูกต้องเพราะแสดงว่าเรายังมีความโลภอยู่ในจิตของเรา ท่านแนะให้อธิษฐานว่า “ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสำเร็จและมีความคล่องตัวในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง.........ขอให้มีความคล่องตัวมากเป็นพิเศษ” เกี่ยวกับการนำเอาพลังงานจักรพรรดิมาอธิษฐานเพื่อใช้ประโยชน์นั้น ได้มีลูกศิษย์หลวงตาม้า ได้ถามหลวงตากันหลายคน และถามกันบ่อยมากว่า ทำไมสวดจักรพรรดิเป็นประจำ แล้วอธิษฐานแล้วทำไมถึงเห็นผลช้า ซึ่งจริงๆ แล้วการเห็นผลนั้นไม่ช้าหรอกครับ ที่ว่าช้านั้นเพราะเกิดจากการไม่เข้าใจในการอธิษฐานเพื่อขอใช้ประโยชน์ครับ ซึ่งถ้าเราสังเกตุให้ดีๆ แล้วจะเห็นว่า หลวงตาม้าท่านมักจะพูดคำว่า "กำลังจักรพรรดิ" อยู่บ่อยมาก ซึ่งลูกศิษย์หลายคนก็ไม่ทันได้คิด ที่ผ่านมาก็เลยอธิษฐานขอใช้บารมีของหลวงปู่ดู่ ซึ่งนั่นยังไม่ถูกต้องทีเดียวครับ ที่ถูกต้องนั้นคือ เราต้องอธิษฐานขอบารมีของหลวงปู่ดู่ท่านได้เมตตาช่วยนำพลังงานจักรพรรดิ(พลังงานจักรพรรดินะครับไม่ใช่บารมีของหลวงปู่ครับ)ของหลวงปู่ดู่ หรือของสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิและบรมมหาจักรพรรดิทุกๆ พระองค์ มาเป็นกำลังหรือพลังเพื่อใช้ให้สิ่งที่เราขอ(เช่น เรื่องงาน,เรื่องเงิน,เรื่องเรียน ฯลฯ) นั้นเกิดความสำเร็จหรือเกิดความคล่องตัว โดยสิ่งที่เราอธิษฐานขอนี้ต้องไม่ขัดต่อศีลธรรมครับ ซึ่งสิ่งที่เราอธิษฐานขอโดยใช้กำลังจักรพรรดินี้จะสำเร็จโดยเร็วหรือง่ายดายครับ
การใช้พระผงจักรพรรดิในการภาวนา(ฝึกจิต)
ให้นำพระผงจักรพรรดิมากำไว้ในมือ ซึ่งจะช่วยให้สามารถรวมจิตเป็นสมาธิได้เร็วขึ้น ให้เริ่มด้วยการสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ สวดอาราธนาศีล สวดบูชาหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ สวดขอขมาพระรัตนตรัย แล้วสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ เสร็จแล้วให้อธิษฐานว่า “.....ข้าพเจ้า...(นาม)....ขออาราธนาบารมีแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยบุคคลทุกชั้นภูมิ และพระมหาจักรพรรดิ ตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของพระศรีอริยเมตไตรยเป็นที่สุด ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐานทั้ง 40 ทัศ พระปิติทั้ง 5 และวิปัสนสนาญาณทั้ง 9 จงมาบังเกิดปรากฏในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะเมฆจิต ให้สามารถกำหนดจิตรู้ภาวการณ์ต่างๆ ทั้งเหตุผล อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ได้ในทุกขณะจิตที่ปรารถนาจะรู้ และเมื่อรู้แล้วขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใส และสามารถพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกๆ ประการ เหตุที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้นโดยมิต้องกำหนดจิตแม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ด้วยเถิด” แล้วให้สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ) แล้วให้เริ่มทำสมาธิได้ตามแบบที่ถนัด เช่น อานาปานสติ จะใช้คำภาวนาว่า “พุทโธ” หรือ “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ” หรือ “ยุบหนอ พองหนอ” หรือจะใช้บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิก็ได้ แต่หลวงตาม้าท่านแนะนำให้ใช้บทพระคาถามหาจักรพรรดิ เพราะว่ามีกำลังมาก แล้วก็ให้กำหนดหรือตั้งนิมิตเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ(พระมหาจักรพรรดิ) หรือหลวงปู่ทวด หรือหลวงปู่ดู่ ก็ได้ แต่บางท่านก็กำหนดเป็นภาพพระผงจักรพรรดิที่กำอยู่ในมือ ให้กำหนดหรือตั้งนิมิตเบาๆ ไม่ต้องเกร็งหรือเพ่งเกินไป พร้อมกับภาวนาไปเรื่อยๆ จิตจะค่อยๆ นิ่งเอง เมื่อถึงจุดหนึ่งจะทำให้สามารถสัมผัสกับโลกทิพย์ได้ และในบางครั้งองค์พระผงจักรพรรดิที่กำอยู่ในมือนั้นจะดิ้นได้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น